top of page

INNO-AGE ต้นแบบ Deep Tech Startup สัญชาติไทย ที่นำเสนอนิยามใหม่ของ ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก สำหรับผู้ป่วยสูงวัย ป้องกันการสำลักและการติดเชื้ออย่างได้ผล

NSTDA Demo Day COHORT2

97b644e041f44611b4dcef8089f8f5a0.webp
97b644b0072544f9bdfd3bc62f549750.webp

อยากชวนทุกคนให้ลองจินตนาการถึงการแปรงฟันในท่านอน สิ่งแรกที่หลายคนอาจกังวลนั่นคือ กลัวการสำลัก และนี่คือความรู้สึกเดียวกับผู้ป่วยติดเตียง เพราะการแปรงฟันให้ผู้ป่วยติดเตียงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อแปรงฟันเสร็จ ผู้ป่วยก็ต้องบ้วนน้ำ เพื่อชำระล้างยาสีฟันออก จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเกิดการสำลัก และอันตรายของ การสำลัก คือ การทำให้เชื้อโรคจากช่องปากไหลไปสู่ปอดทำให้ปอดติดเชื้อและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ป่วยสูงอายุที่สำลัก จะมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ดังนั้นขั้นตอนในการดูแลสุขภาพช่องปาก การแปรงฟัน ผู้ป่วยสูงอายุด้วย ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ที่เหมาะสม ย่อมช่วยบรรเทาปัญหาที่กล่าวมานี้ได้ไม่น้อย

ข้อเท็จจริงข้างต้นนี้ ยังได้รับการสนับสนุนด้วยประสบการณ์จริงของ รศ.ทพญ.ดร.พัชราวรรณ ศรีศิลปนันทน์ หัวหน้างานเทคนิคและผู้ก่อตั้ง บริษัท อินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด ที่นอกจากจะเป็นอาจารย์ประจำ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มานานถึง 30 ปี แล้ว ยังเป็นทันตแพทย์ที่ทำงานด้านการดูแลสุขภาพช่องปากผู้ป่วยสูงอายุ ร่วมกับพยาบาลที่จะเข้าไปดูแลผู้ป่วยสูงอายุ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ นอนติดเตียง จะมีปัญหาในการทำความสะอาดช่องปากไม่น้อย

“พยาบาลจะมาปรึกษาด้วยความกังวลว่า เมื่อทำความสะอาดช่องปากให้ผู้ป่วยสูงอายุ จะเสี่ยงต่อการสำลักเมื่อแปรงฟันให้คนไข้ อาจารย์หมอมีนวัตกรรมอะไรไหม ที่สามารถดูดน้ำออกได้ทันที เพื่อป้องกันการสำลักระหว่างแปรงฟันให้ผู้ป่วยสูงอายุ” รศ.ทพญ.ดร.พัชราวรรณ อธิบายให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการคิดค้นนวัตกรรม แปรงสีฟันระบบท่อดูด หรือ Suction Toothbrush ขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายที่จะเกิดขึ้นนี้

97b644cafa76427797175fc1705b31dd.webp
97b644af59e547549f9888a9ae5b0776.webp

ปิดความเสี่ยงด้วยนวัตกรรม แปรงสีฟันระบบท่อดูด & โฟมสีฟัน ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ผู้สูงวัย แบรนด์ INNO-AGE

ด้าน ทพ.กิตติ สถิตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด ผู้รับโจทย์จาก รศ.ทพญ.ดร.พัชราวรรณ และร่วมมือกันคิดค้น แปรงสีฟันระบบท่อดูด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรก ภายใต้แบรนด์ INNO-AGE ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแปรงสีฟันเพื่อผู้ป่วยสูงอายุนี้ว่า

“ก่อนจะออกแบบ แปรงสีฟันระบบท่อดูด นี้ขึ้น เราได้ไปดูวิธีการทำงานจริงของพยาบาล ซึ่งก็รับรู้ได้ว่าพยาบาลทำงานได้ลำบากมาก ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้คนไข้สำลัก โดยในการปฏิบัติงานจริงต้องใช้พยาบาล 3 คน เพื่อแปรงฟันให้คนไข้ 1 คน พยาบาลคนแรกถ่างปากคนไข้ พยาบาลคนที่สองต้องแปรงฟัน พยาบาลคนที่สาม ต้องใช้เครื่องดูดน้ำลายและฟองยาสีฟันในปากคนไข้”

“ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวก แก้ปัญหา ลดความเสี่ยงและอันตรายที่เกิดขึ้นจากการแปรงฟันให้ผู้ป่วยสูงวัยตามที่กล่าวมา INNO-AGE จึงได้คิดค้น แปรงสีฟันระบบท่อดูด ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ด้วยท่อที่ซ่อนอยู่ในด้ามแปรงสีฟันซึ่งสามารถเชื่อมกับเครื่องดูดเสมหะที่ใช้ในโรงพยาบาลหรือที่บ้าน จึงใช้ดูดของเหลวได้ในขณะแปรงฟันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานได้ด้วยระบบแรงดันลม แปรงสีฟันนี้ช่วยป้องกันการสำลัก ขนแปรงอ่อนนุ่มเหมาะสำหรับช่องปากผู้สูงอายุ ลดระยะเวลาในการแปรงลงแต่ขจัดคราบได้ดีและทั่วถึง ทำให้สุขภาพช่องปากของผู้สูงวัยดีขึ้น”

(ซ้าย) ทพ.กิตติ สถิตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด, (ขวา) รศ.ทพญ.ดร.พัชราวรรณ ศรีศิลปนันทน์ หัวหน้างานเทคนิคและผู้ก่อตั้ง บริษัท อินโน-เอจ แลบอราทอรี จำกัด

 

“อย่างไรก็ดี จากการนำไปทดลองใช้จริงในผู้ป่วย ทำให้เราเจอปัญหาต่อเนื่องว่ายาสีฟันเองก็อาจจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างปัญหาได้ เพราะผู้สูงอายุที่นอนติดเตียงไม่สามารถลุกขึ้นมาบ้วนน้ำเพื่อล้างยาสีฟันออกจากช่องปากได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้คู่กับ แปรงสีฟันระบบท่อดูด ซึ่งเป็นโฟมที่จะซึมเข้าไปบริเวณผิวฟันได้เลย และหลังจากแปรงได้ประมาณ 2 นาที และยังสามารถใช้เครื่องดูดเสมหะที่ต่อกับแปรงสีฟันนี้ และดูดน้ำออกได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 1-2 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเมื่อน้ำแห้งก็ย่อมลดโอกาสการสำลักในผู้ป่วยสูงอายุอย่างได้ผล”

“นอกจากนั้น โฟมสีฟันนี้ยังผลิตจากสารธรรมชาติมากกว่าร้อยละ 90 เมื่อแปรงฟันเสร็จแล้ว แม้จะยังดูดฟองออกไม่หมดก็สามารถกลืนได้เลยโดยไม่เป็นอันตราย และเรายังเพิ่มสารสกัดจากว่านหางจระเข้ออแกนิกส์ ที่ให้ความอ่อนละมุนต่อช่องปาก รสชาติอ่อนโยน ใช้แล้วไม่แสบปากเหมือนยาสีฟันทั่วไปที่มีรสชาติเย็นซ่า ลดการระคายเคือง ไร้คราบขาวตกค้าง แถมมีฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ มีสาร CPC ต้านแบคทีเรีย ดูแลปัญหาเหงือก ทำให้ปากชุ่มชื้น รู้สึกสดชื่นหลังแปรงฟัน”

“ดังนั้น จึงแน่ใจได้ว่า ถ้าใช้แปรงสีฟันระบบท่อดูดคู่กับโฟมสีฟัน INNO-AGE จะทำให้แปรงฟันผู้สูงอายุได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ปอดที่เป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างได้ผล และเมื่อปากสะอาด สดชื่น ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ของผู้สูงอายุ ที่จะแจ่มใส ยิ้มแย้ม กินอาหารได้อร่อยขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ในที่สุด”

 

ไม่หยุดต่อยอดคิดค้น ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก “ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก” สำหรับผู้ป่วยปากแห้งและผู้ป่วยมะเร็ง

จากความสำเร็จในการคิดค้น แปรงสีฟันระบบท่อดูดและโฟมสีฟัน แบรนด์ INNO-AGE ได้ต่อยอด “นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะพึ่งพา” นำเสนอ น้ำยาบ้วนปากและยาสีฟันสำหรับผู้ที่มีปัญหาปากแห้งและผู้ป่วยมะเร็ง โดย ทพ.กิตติ ได้อธิบายถึงภาวะที่ผู้ป่วยต้องพบเจอว่า

“ในขั้นตอนที่ผู้ป่วยมะเร็งต้องเข้ารับการักษาด้วยวิธีฉายแสงหรือการทำคีโม ก็จะประสบปัญหาสุขภาพช่องปาก โดยในช่องปากจะมีภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถแปรงฟันด้วยยาสีฟันทั่วไปที่มีรสชาติเย็นซ่าสดชื่นได้ เพราะจะแสบปากมาก เราจึงพัฒนา ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อีกกลุ่มออกมา นั่นคือยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก ที่เมื่อใช้แล้วจะไม่ทำให้ผู้ใช้แสบปาก และหลังแปรงฟันก็จะให้ความชุ่มชื้นในช่องปากด้วย”

“โดยผลิตภัณฑ์แรก คือ Innovative Toothpaste หรือยาสีฟัน อินโน-เอจ รีบาลานซ์ สูตรครีม และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ คือ Innovative Mouthwash น้ำยาบ้วนปาก อินโน-เอจ รีบาลานซ์ ที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นคืนความสมดุล ดีต่อสุขภาพช่องปากของผู้มีปัญหาปากแห้งและผู้ป่วยมะเร็ง”

แชร์ผลสำรวจตลาด พบการตอบรับดีเกินคาด ตั้งเป้าขยายธุรกิจ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ทั้งในและต่างประเทศ ตอบโจทย์ Aging Society

ภายในงาน “NSTDA Deep Tech Acceleration Cohort #2 Demo Day” ที่จัดขึ้นโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และการร่วมสนับสนุนของ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ซึ่งได้เปิดเวทีให้เหล่า Deep Tech Startup ได้มาโชว์เคสผลิตภัณฑ์ของตน พร้อมเชิญชวนนักลงทุน นักธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐที่สนใจต่อยอดร่วมลงทุนกับ 22 แบรนด์ จากโครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration โดย แบรนด์ INNO-AGE เป็นหนึ่งในแบรนด์ในหมวดหมู่ Healthcare Technology ที่ได้รับการคัดเลือกให้มา Pitching นำเสนอผลิตภัณฑ์บนเวทีนี้

97b644dfde9d41a593359b0b665bbcb1.webp

ในการ Pitching บนเวที แบรนด์ INNO-AGE ได้แสดงผลการสำรวจตลาดของ บริษัทฯ ซึ่งพบว่า ตลาดนี้มีความน่าสนใจ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ทางบริษัทฯได้ประมาณการตัวเลขไว้ว่าจะมีประมาณ 3 แสนคน และในจำนวนนี้จะมี 15 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ดีมานด์ในกลุ่มนี้จะมีถึงประมาณ 8 แสนชิ้นต่อปี

2. กลุ่มผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชน กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่เปราะบางมาก จึงแนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่เพื่อความปลอดภัยทุกวัน

โดยในกลุ่มผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล คาดว่ามีผู้ป่วยกลุ่มนี้มานอนพักรักษาตัวถึง 9 แสนวันต่อปี และมีถึง 2 ใน 3 จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงถึง 9 แสนชิ้นต่อปี

ส่วนตลาดต่างประเทศ แบรนด์ INNO-AGE ได้มองไปถึงกลุ่ม EU27 ตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น โดยจำนวนประชากรผู้สูงอายุในกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 190 ล้านคน และคาดว่าในจำนวนนี้ มีกว่า 10 ล้านคนที่เป็นผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และ 5 ล้านคน จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ โดยผู้ป่วย 1 คน จะใช้ผลิตภัณฑ์ 12 ชิ้นต่อปี ดังนั้นจะมีดีมานด์สูงถึง 60 ล้านชิ้นต่อปี หรือคิดเป็นเงิน 6 พันล้านบาท นับเป็นตลาดที่ใหญ่มาก

 

 

ขณะที่ ช่องทางการตลาด มี 3 ช่องทางหลัก คือ โรงพยาบาล กลุ่มผู้ป่วยติดเตียงที่รักษาตัวอยู่ที่บ้าน และตลาดส่งออก โดยในปี 2023 ประมาณการรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท และจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2024 จะอยู่ที่ 150 ล้านบาท ในปี 2025 จะอยู่ที่ 300 ล้านบาท และในปี 2026 จะอยู่ที่ 500 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการส่งออกเป็นหลัก

สำหรับการวางตำแหน่งของแบรนด์ แน่นอนว่าในประเทศมีสินค้านวัตกรรมที่หลากหลายก็จริง แต่จุดยืนของสินค้าเราจะเน้นที่ “นวัตกรรมขั้นสูง” และเน้นกลุ่มผู้สูงอายุเป็นหลัก จึงยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงในเชิงการตลาด

และจากการดำเนินงานของบริษัท ก็มี Timeline การพัฒนา ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพาอย่างต่อเนื่อง

  • 2019 เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปี 2019

  • 2021 พัฒนาแปรงสีฟันระบบท่อดูดและโฟมสีฟัน และนำไปใช้จริงกับผู้ป่วยสูงวัยทั้งที่บ้านและที่โรงพยาบาล

  • 2022 เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากสำหรับผู้ป่วยปากแห้งและมะเร็ง

  • 2023 พร้อมออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ สเปรย์สำหรับผู้ป่วยปากแห้ง

ดร.เอกอนงค์ จางบัว ผู้อำนวยการเมืองนวัตกรรมอาหาร สวทช.

NSTDA Deep Tech Acceleration โครงการดีๆ ที่สนับสนุนโดย บพข. ลมใต้ปีกส่ง Deep Tech Startup ไทย ให้บินไปได้ไกลกว่าเดิม

ก่อนที่เหล่า Deep Tech Startup จาก โครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration จะได้เริ่ม Pitching บนเวที มีตัวแทนผู้บริหารจากสองหน่วยงานหลักที่ทำให้เกิดโครงการดีๆ นี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เริ่มจาก ดร.เอกอนงค์ จางบัว ผู้อำนวยการเมืองนวัตกรรมอาหาร สวทช. ที่กล่าวว่า

“สวทช. ได้ดำเนินการโครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration ปีนี้เป็นปีที่ 2 โดยเปิดรับสมัครผลงานวิจัยเชิงลึกที่มีการประเมินความพร้อมของงานวิจัยและเทคโนโลยี (Technology Readiness Level: TRL) ไม่น้อยกว่าระดับ 4 และมีศักยภาพทางด้านการตลาดใน 3 กลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ Food Technology, Healthcare Technology และ Internet of Things”

“โดยในปีนี้มีผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการจำนวน 22 ทีม ซึ่งเป็นนักวิจัยของ สวทช. อาจารย์มหาวิทยาลัย และผู้ประกอบการจากทั่วประเทศ ทั้ง 22 ทีมได้ผ่านกระบวนการบ่มเพาะของ NSTDA Deep Tech Acceleration เพื่อขยับ TRL เตรียมความพร้อมด้านธุรกิจ ผ่าน 3 Bootcamp เงินทุนสนับสนุนสำหรับปรับปรุงผลงานและขอรับรองมาตรฐาน พร้อมกับระบบพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาติดตามการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลงานวิจัยเชิงลึกที่มีศักยภาพสามารถไปสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข.”

รศ.ดร.ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล รองผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์วิจัย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

ด้าน รศ.ดร.ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล รองผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์วิจัย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ได้กล่าวถึงการสนับสนุนของ บพข. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ Deep Tech Startup ไทย ว่า

“หน้าที่หลักของ บพข. คือการสนับสนุนและผลักดันผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ด้วยการเร่งรัดพัฒนางานวิจัยเชิงลึก หรือ Deep Tech Acceleration และสำหรับโครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration นี้ เราได้ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งวันนี้เรามีความยินดีที่ได้เห็นความสำเร็จและความก้าวหน้าของโครงการนี้ โดยงานในวันนี้เรารับรู้ได้ถึงพลังของ Deep Tech Startup ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยผ่าน Deep Tech Platform ที่คนไทยมีศักยภาพไม่แพ้ชาติอื่นเลย”

“โดยการสนับสนุนครั้งนี้ ทั้ง สวทช. และ บพข. เอง ตั้งใจให้การสนับสนุน ผู้ประกอบการ Deep Tech Startup ของไทยอย่างเต็มที่ ด้วยความคาดหวังว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ผลักดันให้ประเทศไทยพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งทั้ง 22 ทีมในวันนี้ มีกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้วที่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท และมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง”

“อย่างไรก็ดีอยากเน้นย้ำว่า หน้าที่หลักที่ บพข. ให้ความสำคัญ นั่นคือ การตอบโจทย์ที่ว่า จะทำอย่างไรที่จะทำให้ผลงานวิจัยในมหาวิทยาลัยสามารถพัฒนาไปสู่เชิงพาณิชย์ โดยภาคเอกชน ซึ่งจริงๆ แล้ววัตถุประสงค์แรก ของ บพข. คือการสนับสนุนทุนวิจัยให้ภาคเอกชน แต่ต้องยอมรับว่าการทำวิจัยในภาคเอกชน หรือการทำ R&D (Research and Development) ในประเทศไทยนั้นยังมีค่อนข้างน้อย เราจึงปรับกลยุทธ์ในการเชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนทุนวิจัยให้กับคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่สร้างสรรค์งานวิจัยที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจก่อน”

 

“ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยจึงเปรียบเหมือนพาร์ทเนอร์สำคัญของการพัฒนาธุรกิจกับภาคเอกชน โดยนำผลงานวิจัยที่ทำอยู่แล้วส่งต่อให้ภาคเอกชนทำการต่อยอด หรือในอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ทางคณาจารย์ บุคลากร นักวิจัย รวมถึงนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ Spin-off นำผลงานวิจัยที่ทำไปสู่เชิงพาณิชย์เองในรูปแบบของบริษัท ทาง บพข. ก็ยินดีให้การสนับสนุน อย่างในวันนี้ Deep Tech Startup หลายราย ก็มาจากมหาวิทยาลัย หรือ หน่วยงานวิจัยที่ต้องการ Spin-off ผลงานตัวเองออกไปในเชิงพาณิชย์ได้”

 

“โดยสิ่งที่ บพข.อยากเห็น คือ การเกิดอุตสาหกรรม Sector ใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่าสูงให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศไทยก็มีความหลากหลายทางชีวภาพมากมายที่เอื้อต่อการปรับเอา Deep Tech เข้ามาต่อยอดสิ่งเหล่านี้ให้เกิดมูลค่าสูงได้ ทั้งยังต้องการเห็น การทำงานร่วมกัน ทั้งทางฝั่ง มหาวิทยาลัย ภาคเอกชน ภาครัฐ”

“นอกจากนั้น บพข. ยังต้องการให้ ภาคเอกชนที่มีอยู่ ทำงานวิจัยออกมามากขึ้นเพื่อให้หลุดออกจากกับดักของ OEM ไม่ต้องเป็นผู้รับจ้างผลิตอีกต่อไป สามารถสร้างเทคโนโลยี และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของเราได้เอง ขณะที่ ต้องมีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า รักษาสิ่งแวดล้อม ด้วย”

และที่สุดแล้ว จากการได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ NSTDA Deep Tech Acceleration ทาง รศ.ทพญ.ดร.พัชราวรรณ ผู้บริหารของ แบรนด์ INNO-AGE ได้มาแชร์ประสบการณ์ว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้เพื่อพาธุรกิจของตนไปสู่เชิงพาณิชย์มีอะไรบ้าง

“เมื่อได้ทราบข่าวว่าทาง NSTDA ได้เปิดรับผู้เข้าร่วมโครงการ NSTDA Deep tech Acceleration จึงตัดสินใจสมัครเข้ามา ซึ่งต้องยอมรับว่าการสมัครเข้ามาร่วมโครงการนี้เป็นการเปิดโลกทัศน์อย่างมาก และรู้สึกดีใจในฐานะที่เป็นทั้งนักวิจัยและผู้ประกอบการที่มีโครงการดีๆ ในสายนวัตกรรมที่ทำให้ประเทศไทยเราได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด”

“และในเรื่องของการนำนวัตกรรมและงานวิจัยมาพัฒนา ต่อยอด จนเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายได้ในเชิงพาณิชย์ เราได้รับความรู้มากมายจากการเข้าร่วม Camp ทั้ง 3 ค่าย โดยในการจัดอบรมในค่ายแต่ละครั้งมีการออกแบบและวางแผน เชิญกูรูจากทุกด้านมาให้ความรู้ และสนับสนุนเหล่าผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมโครงการนี้ให้มีความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นระยะๆ อย่างมั่นคง โดยการส่งเสริมนี้ทำให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมทางการตลาด การทำแบรนด์ดิงให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ทั้งนี้ ทพ.กิตติ ได้กล่าวเสริมด้วยว่า “ในฐานะที่เป็นทันตแพทย์และเป็นหนึ่งในทีมวิจัยผลิตภัณฑ์ ซึ่งต้องยอมรับว่ายังไม่มีความรู้ในด้านที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจมากนัก การพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเราไม่ใช่เรื่องที่ยากเท่ากับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีนี้ออกไปสู่ตลาด ให้ประชาชนได้ใช้อย่างแพร่หลาย ดังนั้น การที่เราได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการนี้ของ NSTDA ทำให้เรามีความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านการวางแผน การทำตลาด รวมทั้งในด้านการลงทุนและขยายตลาดต่างๆ ด้วย”

ที่มา : https://www.salika.co/2022/11/14/inno-age-innovation-for-senior-oral-health/

23CE478C-D405-42BF-A576-80DDD78C5806.jpg
bottom of page